วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ณ “ โคราช ” บ้านฉันเอ ง


“ อีนางตื่นเร็วลูก...รีบไปล่างหน่าล่างตาเร็วลูกสายแล่ว !! ”
เสียงแม่ใหญ่เรียกฉันเพื่อให้ฉันตื่นจากที่นอนเมื่อครั้งที่ฉันยังเด็ก บ่อยครั้งที่ฉันเองก็ขี้เกียจตื่นเหลือเกินจนต้องมีเสียงเรียกต่อมาซ้ำ ๆ “ รีบลุกไปล่างหน่าล่างตาเร็วลูกจะได้มากินเข่า ” ทว่าในน้ำเสียงแต่ละคำที่เอื้อนเอ่ยออกมานั้นแฝงไปด้วยความอ่อนนุ่ม เอ็นดู และเป็นห่วง จนบางครั้งฉันก็แกล้งหลับทำเป็นไม่ได้ยินเพื่อให้หญิงชราท่านนี้เข้ามาปลุกถึงที่นอนและฉันก็จะมีความสุขมาก ( ทุกครั้งที่แกล้งเธอได้ )
คำว่า “แม่ใหญ่ ” คำนี้ฉันใช้เรียกมาจนติดปากเพราะเธอสอนให้ฉันเรียกมาตั้งแต่ครั้งที่ฉันเริ่มจะพูด ซึ่งคำ ๆ นี้แปลความหมายได้ว่า ผู้หญิงที่มีอายุมากแล้วอาจจะประมาณ 60 ปีขึ้นไปเห็นจะได้ แต่เธอคนนี้คือยายทวดของฉันนั่นเอง มันคือภาษาท้องถิ่น ที่เรียกว่า “ภาษาโคราช ” ฉันเกิดและเติบโตมาจากที่นั่น ทุกอย่างมันถูกซึมซับและตีตราว่าฉันเป็นคนโคราช เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอไม่อยู่คอยปลุก และให้ฉันได้แกล้งเธออีกแล้ว...
“ โคราชบ้านเอง ” ยังฝังลึกอยู่ในห้วงของจิตใจของฉัน ทุกครั้งที่ฉันได้กลับบ้านฉันจะดีใจมาก ( ลิงโลดเลยล่ะ ) และที่ลืมไม่ได้เมื่อไปโคราชจะต้องเข้าไปกราบไหว้สักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุร-นารี หญิงกล้าแห่งโคราชหรือ “ ย่าโม ” ซึ่งเป็นสถานที่เคารพสักการะของชาวจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งตั้งอยู่ที่หน้าประตูชุมพล ที่อดีตเคยเป็นประตูเมืองเก่าทางด้านทิศตะวันตกของโคราช และติด ๆ กันนั่นเอง ตรงบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีก็จะมีหมอเพลงโคราช และคณะตั้งอยู่ตรงบริเวณนั้นเรียกว่า “ ศาลาเพลงโคราช ” ซึ่งมีบางรายที่เคยมาบนกับย่าโมไว้ เมื่อได้ตามที่ขอก็จะกลับมาแก้บนด้วยเพลงโคราช เพราะมีเรื่องเล่าสืบทอดกันมาว่า ย่าโมจะชอบฟังเพลงโคราชมากดังนั้นเพลงโคราชจึงเป็นที่นิยมสำหรับการบนบานกว่าสิ่งอื่น ๆ
ว่าด้วยเรื่องของเพลงโคราชนั้นส่วนมากเขาจะนิยมเล่นกันในงานนักขัตฤกษ์ งานสมโภชน์ต่าง ๆ และก็งานเล่นแก้บนท้าวสุรนารี ซึ่งฉันเองก็เคยไปนั่งฟังเหมือนกันตั้งแต่สมัยยังเด็ก ๆ แต่นั่งดูได้ไม่นาน เพราะชอบดูลิเกมากกว่า(โดยเฉพาะ “ คณะวรต้อ ” ในลิเกยอดฮิตสมัยนั้น มีตัวตลกชื่อช้างที่ฉันชอบไปนั่งดูแกเล่นเป็นว่างานไหนไม่เคยพลาด ว่างั้นเถอะ ) เพลงโคราชจะเล่นกันบนโรงเพลงมีหมอเพลงชาย 2 คน หมอเพลงหญิง 2 คน นุ่งผ้าโจงกระเบน หญิงสวมเสื้อรัดรูป ชายสวมเสื้อคอกลมหรือเสื้อเชิ้ต มีผ้าขาวม้าคาดพุง
สำหรับเนื้อหาของเพลงนั้นก็จะแสดงวิถีชีวิตของบุคคลในสังคมในแง่มุมต่าง ๆ รวมทั้งมีการแทรกเนื้อหาความบันเทิงไว้อย่างดีอีกด้วย และจะเล่นให้เหมาะกับโอกาส บางครั้งก็จะแล้วแต่เจ้าภาพที่หาไปเล่นว่าจะให้เล่นเรื่องอะไร การร้องเพลงโคราชจะเน้นการใช้ปฏิภาณไหวพริบเป็นอย่างมากในการโต้ตอบกัน และจะเคร่งครัดมากในเรื่องของคำสอน ศีลธรรม นับได้ว่าได้ทั้งความบันเทิงจากหมอเพลงและได้แง่คิดคำสอนควบคู่กันไป
จะว่าไปแล้วฉันเองก็รู้สึกห่างเหินกับเพลงโคราชมานานมาก เพราะตอนนี้หาดูได้ยาก นอกจากจะจ้างไปแก้บนถึงจะได้ดู หมอเพลงในตอนนี้เท่าที่เห็นก็จะมีรุ่นเก่า ๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยจะมีก็อย่างว่าแหละคนหลงยุคในปัจจุบันมีให้เห็นเยอะ พูดขึ้นมาแล้วฉันก็รู้สึกอยากกลับบ้านอีกแล้ว ถ้าคุณมีโอกาสก็ลองไปเที่ยว แวะชม กราบไหว้ขอพรย่าโม และก็นั่งฟังเพลงโคราชบ้าง แล้วคุณจะหลงรักโคราชบ้านฉันเอง...



By : TANISORN SRIVAKUN

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น